ประวิตร’ ลงพื้นที่สระแก้ว ดูความคืบหน้าเปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านหนองเอี่ยน ยกระดับเศรษฐกิจชายแดน

ประวิตร’ ลงพื้นที่สระแก้ว ดูความคืบหน้าเปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านหนองเอี่ยน ยกระดับเศรษฐกิจชายแดน

วันที่29 มิถุนายน 2566 เวลา 10:00 น

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย

น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว. ศึกษาธิการ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คลัง และคณะเดินทางลงพื้นที่ จ.สระแก้ว

เพื่อประชุมเตรียมความพร้อมรับการเปิดจุดผ่านแดนถาวร สะพานมิตรภาพ ไทย - กัมพูชา (หนองเอี่ยน – สตึงบท)

ที่ด่านศุลกากรอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ และติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ ในคณะยังพบ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ ได้ติดตามลงพื้นที่ในครั้งนี้ด้วย

พล.อ.ประวิตรและคณะ ได้รับฟังภาพรวมสรุปความก้าวหน้าการเตรียมความพร้อมรับการเปิดจุดผ่านแดนถาวร สะพานมิตรภาพ ไทย - กัมพูชา (หนองเอี่ยน - สตึงบท) ที่มีความคืบหน้าแล้วกว่าร้อยละ 40 อยู่ระหว่างเร่งก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายใน ส.ค.68 ปัจจุบันมีการนำเข้า - ส่งออก การค้าผ่านจุดผ่านแดนชั่วคราวดังกล่าว เฉลี่ยเดือนละ 7,800 ล้านบาท รถสินค้าผ่านแดนกว่า 700 คัน ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและการจราจรบริเวณด่านพรมแดนคลองลึก ที่เคยคับแคบมีความคล่องตัวมากขึ้น 

โดย พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายไทย และกัมพูชา ที่ร่วมขับเคลื่อนการบริหารงานและการก่อสร้างจุดผ่านแดนถาวรแห่งใหม่ สะพานมิตรภาพ บริเวณบ้านหนองเอี่ยน - สตึงบท ร่วมกันว่า จุดผ่านแดนถาวรดังกล่าวมีความสำคัญต่อการขยายตัวของพื้นที่เศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ

โดยเฉพาะ จ.สระแก้ว รวมทั้งเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศในภาพรวม และขอให้ทุกส่วนราชการให้ความสำคัญเร่งรัดทำงานร่วมกันและประสานการปฏิบัติกับกัมพูชาอย่างใกล้ชิดในการเตรียมความพร้อมทุกด้าน ทั้งระบบอำนวยความสะดวกคนเข้าเมือง และการผ่านสินค้าให้สามารถเปิดทำการได้อย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อยกระดับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศไปพร้อมกัน

จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้เดินทางต่อไปตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำ อ.วัฒนานคร

ณ อ่างเก็บน้ำแซร์ออ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และพบปะประชาชนในพื้นที่ โดยได้รับฟังการบรรยายสรุปความคืบหน้าโครงการแก้ปัญหาคลองพรมโหด การก่อสร้างระบบส่งน้ำและอาคารประกอบโครงการอ่างเก็บน้ำแซร์ออ ซึ่งมีพื้นที่รับน้ำ 14.85 ตร.กม. พื้นที่รับประโยชน์ 5,065 ไร่ หากดำเนินการแล้วเสร็จทั้งสองโครงการ จะสามารถบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ราบลุ่มตอนล่าง ต.ท่าข้าม เทศบาลเมืองอรัญประเทศ จ.สระแก้ว และเป็นแหล่งเก็บกักน้ำสำหรับการเกษตร และอุปโภค บริโภคของประชาชนในพื้นที่

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้ย้ำให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เตรียมมาตรการรับมือฤดูฝนปี 66 โดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงทุกกลุ่มให้เร็วและครอบคลุมทุกด้าน สำหรับการบริหารจัดการน้ำอ่างเก็บน้ำแซร์ออ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ขอให้กรมชลประทาน เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนด เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้ง จ.สระแก้ว

ขณะเดียวกัน ขอให้เร่งรัดดำเนินการพัฒนาลุ่มน้ำพรมโหด ตามโครงการที่ได้ศึกษาออกแบบไว้เป็นการเร่งด่วน เพื่อบรรเทาปัญหาและลดความเสียหาย ต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยขอให้หน่วยงานความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงดูความร่วมมือในการบริหารจัดการน้ำกับกัมพูชา ซึ่งการก่อสร้างประตูระบายน้ำคลองพรมโหด พร้อมสถานีสูบน้ำ จะช่วยแก้ปัญหาน้ำหลากจากไทยไปยังกัมพูชา และลดผลกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้

ภาพข่าว นายยุทธนา พึ่งน้อย

ผู้สื่อข่าวจังหวัดสระแก้ว

“ตู่”นันทิดา นายก อบจ.ปากน้ำ จัดใหญ่บวงสรวง ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดง เพื่อความเป็นสิริมงคล

 เมื่อเวลา 13.00 น.ของวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 “ตู่”นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ และ” พร้อมคณะผู้บริหาร สมาชิกสภา

อบจ.สมุทรปราการ ร่วมกันประกอบพิธีบวงสรวงศาลเจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดง

คู่บ้านคู่เมืองพระประแดง ที่มีอายุยาวนานกว่า 200 ปี ทั้งนี้เพื่อความเป็นสิริมงคล ในการปฎิบัติหน้าที่ สร้างความเป็นประโยชน์สุข แก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ให้กับพ่อแม่พี่น้องชาวสมุทรปราการ ต่อไป

เลขานุการ รมต.มหาดไทย กัมพูชา พร้อมให้ความร่วมมือรัฐบาลไทยทุกเรื่องเพื่อให้พี่น้องแรงงานกัมพูชา ถูกต้องตามกฎหมายไทย เพื่อ ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีที่อยู่ราชอาณาจักรไทย

เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 7 พฤษภาคม 2566

ที่ห้องประชุมชั้น 6 ห้างอิมพีเรียลเวิลด์สำโรง ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ

 นางชู บุน เอ็ง  (Mrs.Chou Bun ENG) เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหาดไทย  ในฐานะรองประธานถาวรคณะกรรมการต่อต้านการค้ามนุษย์ประเทศกัมพูชา

พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูง อาทิ ผู้อำนวยการกองหนังสือเกินทาง กระทรวงมหาดไทย   ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ  ผู้แทนกระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพ และผู้แทนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง  ได้เดินทางมาเยี่ยมพบปะแรงงานชาวกัมพูชาที่มาทำงานในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการและใกล้เคียง

พร้อมรับฟังปัญหาการดำเนินการออกหนังสือเดินทางรวมถึงวางแนวทางการแก้ไขปัญหาให้แรงงานชาวกัมพูชาได้ทำงานถูกต้องตามระเบียบกฎหมายอย่างถาวรของประเทศไทย  โดยมี พ.ต.ท.ณัฐศิลป์ อุทา สส.ตม.จว.สมุทรปราการ   เจ้าที่กรมจัดหางานภายในจังหวัดสมุทรปราการ , กอ.รมน.สมุทรปราการ  สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังปัญหา

นางชู บุน เอ็ง  (Mrs.Chou Bun ENG) เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหาดไทย  ในฐานะรองประธานถาวรคณะกรรมการต่อต้านการค้ามนุษย์ประเทศกัมพูชา หลังจากนี้จะมีการประชุมความร่วมมือระหว่าง 2 รัฐบาล  ยอมรับว่ารัฐบาลไทยยังคงกังวลการจ้างงานแรงงานกัมพูชา   ทางรัฐบาบกัมพูชา พร้อมที่จะอำนวยความสะดวกเพื่อให้แรงงานกัมพูชา ได้ทำงานและการดูแลชาวกัมพูชา จากรัฐบาลไทย 

นอกจากนี้ นางชู บุน เอ็ง  (Mrs.Chou Bun ENG) เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหาดไทย  ในฐานะรองประธานถาวรคณะกรรมการต่อต้านการค้ามนุษย์ประเทศกัมพูชา   เผยว่าหลังจากที่มาเยี่ยมกลุ่มพี่น้องแรงงานกัมพูชาและได้ฟังการนำเสนอของแรงงานในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ และชลบุรี  ทางรัฐบาลกัมพูชาจึงอยากขอความร่วมมือจากรัฐบาลไทย 4 ข้อ  ได้แก่ 

1ทางนายจ้างชาวไทยอยากสอบถามถึงกำหนดระยะเวลาที่เปิดศูนย์osscที่ชลบุรีและสมุทรปราการในการให้แรงงานชาวกัมพูชามาทำเอกสารประจำตัวให้แก่แรงงานกัมพูชาในประเทศไทย

2 อยากให้ทางกรมจัดหางาน กระทรวงแรงงานไทยให้ช่วยขยายเวลาในการต่อใบอนุญาตทำงานที่จะหมดลง ภายใน13 พค 66 ต่อออกไปอีก6เดือน

3 เคยมีข่าวจะให้แรงงานชาวกัมพูชากลับไปต่อเอกสารประจำตัวที่พนมเปญและเมืองอื่นๆในกัมพูชาซึ่งสร้างปัญหาให้ทั้งนายจ้างและลูกจ้างเป็นอย่างมากอยากขอให้คณะรองนายกที่มาวันนี้ช่วยชี้ช่องและเร่งรัดในการเปิดศูนย์osscในจว.ชลบุรีและสมุทรปราการให้เร็วที่สุด 

👇👇👇ชมคลิป👇👇👇

4และอยากให้คณะรองนายกกัมพูชา

รีบหารือกับรัฐบาลไทยในการเปิดโอกาสให้แรงงานเถื่อนเข้าสู่ระบบ ที่ถูกต้องให้เร็วและมากที่สุด

ทั้งนี้ยอดแรงงานกัมพูชา ปัจจุบันมียอดแรงงานที่ขึ้น ทะเบียน แล้ว อยู่ระหว่างทำหนังสือเดินทาง รวม 250,000 คน และยอดที่เข้ามาแบบ MOU  รวมกว่า 1,000,000 คน

ILaw ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาคประชาชนสมุทรปราการ จัดอบรม อาสาสมัคร จับตาเลือกตั้ง ชุดแรกในการสังเกตการณ์การเลือกตั้ง 66 "

 วันที่ 4 พ.ค. 66 เวลา 13:00น.

 นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการไอลอว์ (ILaw) พร้อมนายวรุจ ทัฬหสุคณธ์  ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว Asia Update , ดร.วริศรียา บุญสมประธานเครือข่ายอาสาจับตาเลือกตั้งสมุทรปราการ 

 

ดร.สังวาลย์ เกตุงาม 

นายกสมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาค 

 นายประกิต ศีลพิพัฒน์ ประธานชมรมผู้สื่อข่าวสมุทรปราการ 

ดร.วิชัย จันทร์จำรูญ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรปราการ  

นายสุรัตน์ อัตนวานิช

คณะกรรมการธรรมาภิบาล

สมุทรปราการ และ นายธนพัต ธนัตเจริญ ประธานสภาผู้ชมและผู้ฟังรายการ กรุงเทพฯและปริมณฑล Thai PBS   , ช่อง TV24 , ช่อง THAI NEWS ASIA ร่วมแถลงข่าว

ความร่วมมือการต่อต้านทุจริตการเลือกตั้ง 66 ที่จะถึงนี้ทั้งการ เลือกตั้งล่วงหน้า วันที่ 7 พ.ค. 66 และวันเลือกตั้ง 14. พ.ค. 66   ภายในงานนอกจากจะมีการแถลงข่าวประกาศจุดยืนแล้ว ของภาคีภาคประชาชนแล้ว  ทาง ILaw  ยังได้จัดการอบรม 5 ขั้นตอนในการปฏิบัติงานจริง  พร้อมจำลองคูหาการนับคะแนน ที่คาดว่าอาจจะสิ่งผิดปกติทุกรูปแบบ ให้กับอาสาสมัคร จับตา เลือกตั้ง ที่มาจากภาคประชาชน ชุดแรกจำนวน 100 คน   ทดลองการสังเกตการณ์  บริเวณหน้าคูหาเลือกตั้ง 

ซึ่งหลังจากนี้ทางเครือข่ายอาสาสมัคร จับตา เลือกตั้ง สมุทรปราการ  จะทำการประชาสัมพันธ์ และเดินหน้ารับสมัครอาสาสมัคร ภาคประชาชน

 ในพื้นที่สมุทรปราการ เข้าร่วมมาแสดงพลัง ลบคำ "สมุทรปราการโคตรโกง" ไปด้วยกัน 👇คลิปสัมภาษณ์👇

สระแก้ว- นับถอยหลังนายแม่ ขวัญเรือน เทียนทอง ยังเดินหน้าต่ออย่าลืมแม่เด้อเบอร์4

   ผู้สื่อข่าวรายงาน

วันที่ 1 พ.ค 2566 บริเวณ สนามกีฬา เทศบาลเมืองสระแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว " นางขวัญเรือน เทียนทอง ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสระแก้ว เขต 1 เบอร์ 4

และทีมงานหาเสียง พรรค ลงพื้นที่เปิดเวทีปราศรัยหาเสียง โดยมี นายฐานิสร์ เทียนทอง บุตรชาย และนายก อบจ. สระแก้ว เดินทางมาช่วยปราศรัยหาเสียง

โดยทีมงานของผู้สมัครได้ขึ้นเวที นำนโยบายของพรรคพลังประชารัฐมาชี้แจงและแจ้งให้ชาวบ้านในพื้นที่สนามกีฬา อำเภอเมือง กว่า 4,000 คน ได้รับทราบ โดยเฉพาะแนวนโยบายการขับเคลื่อน 3 นโยบายหลัก ที่มี

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค อาทิ สวัสดิการ ประชารัฐ เศรษฐกิจประชารัฐ และสังคมประชารัฐ ตามสโลแกนของพรรค “ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่” เน้นย้ำเรื่องการสานต่อนโยบาย มุ่งเน้นแก้ปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ โดยพรรคพลังประชารัฐ จะเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจาก 300 บาท เป็น 700 บาท และเพิ่มเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจาก 600-700 บาท เป็น 2000 - 3000 บาทต่อเดือน เป็นต้น

ต่อมา นางขวัญเรือนฯและทีมผู้สมัคร ได้เดินพบปะทักทายกับชาวบ้านและประชาชนที่มาร่วมเวทีปราศรัยฯ พร้อมรับมอบดอกไม้และพวงมาลัยดอกดาวเรืองให้กำลังใจ ก่อนเริ่มเปิดเวทีปราศรัย โดยว่าที่ นายฐานิสร์ เทียนทอง นายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว อบจ. สระแก้ว คนใหม่ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยขอคะแนนกับชาวบ้านขอให้เลือก นางขวัญเรือน เทียนทอง เพื่อให้ได้เป็น ส.ส. เขต 1 ซึ่งการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาตนเองกับน้องสาวก็มีโอกาสได้เข้าไปเป็น ส.ส. โดย น.ส. ตรีนุช เทียนทอง ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ลูกหลานชาวสระแก้ว ก็ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สามารถทำงานได้ดีตลอด 2 ปีที่ผ่านมา

สำหรับผม เป็น ส.ส. มา 6 สมัย 26 ปี สิ่งที่ตน ยึดถือและปฏิบัติมาตลอด คือความเสมอต้นเสมอปลาย พี่น้องมีความทุกข์ มีความเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือ ขอความร่วมมือ ผมมั่นใจว่าผมไม่เคยปฏิเสธ ที่ผ่านมาคนที่ทำงานอยู่เบื้องหลังของตระกูลเทียนทอง ตั้งแต่ท่านเสนาะ เทียนทอง ที่มีการชักชวนลูกหลานไปเล่นการเมือง โดยมีคุณพ่อและคุณแม่ ขวัญเรือนฯ อยู่เบื้องหลังในการดูแลพวกเราชาวสระแก้ว มาโดยตลอด วันนี้จึงมาขอคะแนนเสียงให้ช่วยแม่ผมด้วยครับ นายฐานิสร์ อดีตรัฐมนตรี กล่าว

"ทางด้าน นางขวัญเรือน เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส.สระแก้ว เขต 1 กล่าวบนเวทีเป็นภาษาอีสาน หลังทีมงานเปิด VTR เล่าประวัติการทำงาน “ขวัญเรือน เทียนทอง” ผู้สมัครผู้แทนราษฎรเขต 1 พรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 4 ฝากไว้ในดวงใจของชาวอำเภอเมืองสระแก้วด้วย แม่เคยทำงานเป็นนายก อบจ.2 ปี ผลงานก็อย่างที่เห็นเพราะว่า ตระกูลเทียนทอง เราเป็นนักการเมืองมาตลอด แม่อยู่เบื้องหลังตลอด แม่ก็เป็นลูกชาวบ้านเหมือนพวกท่าน “แม่ลงพื้นที่ไปชุมชนต่าง ๆ ชาวบ้าน 70% ทำอาชีพเกษตรกร ฉะนั้นเรื่องน้ำก็เป็นเรื่องสำคัญและให้ความสำคัญที่สุด ตอนเป็นนายก อบจ. ไปทำแหล่งน้ำให้หลายร้อยล้านบาท ไปส่งเสริมอาชีพวิสาหกิจชุมชน ปลูกพืชสมุนไพร หาอาชีพ ให้พี่น้อง ซึ่งที่ผ่านมาเป็นมาหลายตำแหน่งแล้ว แต่ยังไม่เคยเป็น ส.ส. จึงอยากเป็น ส.ส.เข้ าไปในสภาผู้แทน ขอให้ช่วยเลือกเบอร์ 4 พรรคพลังประชารัฐ ขอขอบคุณและไม่อยากรบกวนเวลาอาหารเย็นของพี่น้องกลัวหิวข้าว กลับไปกินข้าวบ้านกันนะ อย่าลืม เลือกเบอร์ 4 รู้พื้นที่ รู้ปัญหา พัฒนายั่งยืน เบอร์ 4 ในวันที่ 14 พ.ค.นี้เข้าคูหากาเบอร์ 4 นายแม่อ้อน เหมือนเดิม...นายยุทธนาพึ่งน้อยผู้สื่อข่าวจังหวัดสระแก้ว

สมุทรปราการ บรรยากาศสมัคร สส คึก ต่อศักดิ์ อัศวเหม เผยทุกคนพร้อมลุยเลือกตั้งเชื่อชาวปากน้ำเห็นผลงาน

 บรรยากาศ สมัคร ส.ส.เขต วันนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าเป็นไปอย่างคึกคัก   มีผู้สมัคร ส.ส.  จากหลายพรรค  ทั้ง 8 เขต  รวมถึงกองเชียร์เดินทางมายังศาลาประชาคม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ  กันอย่างคึกคัก   ในขณะที่ ต่อศักดิ์ อัศวเหม  ลูกพี่ลูกน้อง เอ๋ ชนม์สวัสดิ์  เผยในนามกลุ่มสมุทรปราการ ก้าวหน้า  ในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ทั้ง 8 เขต  ต้องก้าวข้ามความเสียใจพร้อมทำเป้าหมายของเอ๋ ชนมสวัสดิ์  คว้า สส 8 เขต ให้ได้เชื่อประชาชนชาวสมุทรปราการ เห็นความตั้งใจและมุ่งมั่นจนมีผลงานเป็นรูปธรรม   และเชื่อว่าหมายเลข 1  เขต  7 ( พระสมุทรเจดีย์ ) สมุทรปราการ  ที่จับฉลากได้จะเป็นเลขนำโชค 

ด้าน ดร.ประเสริฐ ชัยกิจเด่นนภาลัย  ผู้สมัคร ส.ส. สมุทรปราการ เขต 3 พรรคเพื่อไทย  เผยว่าในตลอดที่เป็น อดีต  สส สมุทรปราการ  7 สมัย  เข้าใจบริบทของจังหวัดสมุทรปราการ 

👇👇👇 ชมคลิป 👇👇👇

โดยเฉพาะค่าแรง นโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย จะตอบโจทย์พี่น้องชาวแรงงานทั้ง 8 เขต ได้

มนัส ชู 4 นโยบาย สู้ศึกการเลือกตั้ง มั่นใจพรรคแรงงานสร้างชาติ ยกระดับคุณภาพชีวิตครอบครัวแรงงานไทย ให้มีความมั่นคงและยั่งยืน

 มนัส  ชู 4 นโยบาย สู้ศึกการเลือกตั้ง  มั่นใจพรรคแรงงานสร้างชาติ ยกระดับคุณภาพชีวิตครอบครัวแรงงานไทย ให้มีความมั่นคงและยั่งยืน 

เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2566 

 ณ.ลานกีฬาหมู่บ้านชลเทพ ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

  นายมนัส โกศล หัวหน้าพรรคแรงงานสร้างชาติ  พร้อมคณะกรรมการบริหารพรรค สมาชิกพรรค จัดประชุมใหญ่ ก่อนวันสมัครผู้สมัคร ส.ส. เขต    ทั่วไทย โดยมีว่าที่ผู้สมัครในสังกัดพรรค จากภูมิภาคต่างๆ เข้าร่วมประชุมใหญ่ในครั้งนี้   พร้อมชู 4 นโยบาย ในการหาเสียงเพื่อแก้ปัญหาปากท้องโดยเฉพาะกลุ่มแรงงาน ครอบครัวแรงงาน ให้มีคุณภาพที่ดีมีรายได้ สวัสดิการ มั่นคงยั่งยืน 

  นายมนัส  กล่าวว่า  ในฐานะที่ทำงานด้านแรงงานมาตลอด 43 ปี เข้าใจและเข้าถึงทุกปัญหาของแรงงาน ทุกมิติ👇👇 ชมคลิปสัมภาษณ์ 👇👇👇

จึงขออาสาเข้ามาแก้ด้วยตนเอง ด้วยการออกนโยบายครอบคลุมเพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายทั้งฝ่ายนายจ้งกับแรงงสยนั้นอยู่ได้อย่างเป็นรูปธรรมหลังจากนี้

  จะได้ไม่เป็นภาระของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง  เพื่อความมั่นคงของพื่น้องผู้ใช้แรงงานทุกคน จึงออกนโยบายหลัก 4 นโยบายด้วยกัน ได้แก่  1.จัดตั้งธนาคารแรงงาน เพื่อให้ผู้ใช้แรงงาน กู้เงินปลอดดอกเบี้ย 5 ปี 

2.เงินบำเหน็จบำนาญ ผู้ประกันตน ต้องเลือกได้ไม่ต้องรออายุครบ 55 ปี 

3.จัดตั้งโรงพยาบาลประกันสังคม  

4.บัตรประชาชนใช้ประกันตนในคดีได้ มูลค่าหกหมื่นบาท ซึ่งทำให้สมาชิกพรรคมีความมั่นใจและพึงพอใจเป็นอย่างมาก พร้อมสนับสนุนนโยบายพรรคแรงงานสร้างชาติ และบอกต่อเพื่อนพี่น้องผู้ใช้แรงงานต่อไป

  พร้อมกันนี้ นายมนัส โกศล  หัวหน้าพรรคแรงงานสร้างชาติ ยังกล่าวต่อว่า   พรรคแรงงานสร้างชาติ เกิดขึ้นจากการรวมตัวของผู้นำแรงงาน นักฏหมาย นักวิชาการ   และพรรคการเมือง มีอุดมการณ์ทางการเมืองไปในทิศทางเดียวกัน

เป็นพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีเป้าหมายขับเคลื่อนสวัสดิการพื้นฐาน การปฏิรูปสังคม การปฏิรูปกฎหมายแรงงาน ส่งเสริมการจ้างแรงงานภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม

    ด้านนายสมศักดิ์ ยศพยุงศักดิ์  ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคแรงงานสร้างชาติ  เผยว่าหากสามารถเข้าไปเป็นตัวแทนประชาชน ในฐานะ ส.ส. จะเร่งเรื่องนโยบายประกันสังคมถ้วนหน้าให้คนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปเข้าสู่ระบบความคุ้มครองประกันสังคม 7 กรณีอย่างเท่าเทียม เงินบำนาญผู้สูงอายุเดือนละ 4,500 บาท เงินสวัสดิการเด็กแรกเกิดจนถึงปริญญาตรี รวมถึงนโยบายผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้าแก่ผู้หญิงที่เริ่มมีรอบเดือนไปจนถึงช่วงอายุที่เรียนจบปริญญาตรี เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายส่วนตัวของผู้หญิงได้หลายล้ายคน

 และเรื่อสิทธิเด็กและสตรี ผู้สูงอายุต้องเท่าเทียมกัน คนเหล่านี้ต้องมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นด้วยระบบรัฐสวัสดิการ รวมทั้งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินก็ต้องได้รับการดูแลจากภาครัฐให้มากกว่านี้ด้วย ทั้งนี้ ข้อเสนอหลายข้อของเครือข่ายสตรีฯ ตรงกับนโยบายพรรคแรงงานสร้างชาติ ทางพรรคเราจะรับข้อเสนอไปบรรจุไว้ในนโยบายพรรคเพื่อผลักดันให้เกิดผลรูปธรรมโดยเร็ว โดยเฉพาะเรื่องที่รัฐบาลจำเป็นต้องรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ฉบับที่ 183 คุ้มครองครรภ์มารดากรณีลาคลอด นอกจากนี้ต้องมีการจ้างงานที่เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติทางเพศ เพราะปัจจุบันผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่ทำงานตำแหน่งเดียวกันในสถานประกอบการเดียวกัน ประสบการณ์เหมือนกัน แต่ได้รับค่าจ้างและความก้าวหน้าแตกต่างกัน ซึ่งหลายกรณีถือเป็นปัญหาถูกกีดกันทางเพศ  วันนี้ทางพรรคแรงงานสร้างชาติ จึงอยากจะบอกไปยังพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มแรงงาน ทั้งประเทศ

มั่นใจพรรคแรงงานสร้างไทยเพราะรู้และเข้าใจพี่น้องแรงงาน มากที่สุด และอยากจะให้พี่ร้องแรงงาน มีคุณภาพที่ดี ต่อตนเองและครอบครัวอย่างยั่งยืน เพียงเลือกคนและพรรค จะเข้าไปเป็นกระบอกเสียงให้กับแรงงานทุกคน