สมุทรปราการ ตำรวจน้ำไล่ล่าแก๊งแมวน้ำของกลาง200 กระสอบเรืออีก 2ลำ
เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2566 เวลา10:30น.
พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ (ผบก.รน.)
พ.ต.อ.ราม รสหอม ผกก.4 บก.รน. พร้อมกำลัง แถลงข่าว การจับกุม นายจำนงค์ อายุ 47 ปี อยู่ ซ.อาจณรงค์ 6 แขวงคลองเตย เขต
คลองเตย กรุงเทพมหานคร , นายพิษณุ อายุ 43 ปี อยู่หมู่ 2 ต.บ้านกรด อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา และนายสมยศ อายุ 53 ปี อยู่หมู่ 8 ต.จำปา อ.ท่าเรือจ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยของกลาง ข้าวสารขาว บรรจุอยู่ในกระสอบสีขาว ไม่ประทับตรา น้ำหนักกระสอบละ 25 กิโลกรัม (กก.) จำนวน 200 กระสอบ หรือราว 5 ตัน เรือขนสินค้า ตัวเรือทำด้วยเหล็ก จำนวน 1 ลำ เรือเล็กตัวเรือทำด้วยไม้ พร้อมเครื่องยนต์ติดท้ายแบบหางยาว จำนวน 1 ลำ โดยจับกุมได้บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ต.บางกอบัว อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ
สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2566 เวลาประมาณ 23.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการโจรกรรมข้าวสารจากเรือบรรทุกสินค้านำมาขึ้นบริเวณที่ดินส่วนบุคคลริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณพื้นที่ ต.บางกอบัว อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ จึงได้แจ้งผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมเดินทางไปตรวจสอบ โดยแบ่งกำลังกระจายเป็น 6 ชุด เดินทางทั้งทางรถยนต์และเรือเร็ว
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุพบเรือขนสินค้าตัวเรือทำด้วยเหล็กภายในเรือมีข้าวสารและพบชาย 2 คน ยืนอยู่บนเรือที่บรรทุกข้าวสาร จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ขอเข้าตรวจสอบ แต่ชายทั้ง 2 คนได้ใช้เรือเล็กตัวเรือทำด้วยไม้ พร้อมเครื่องยนต์ติดท้ายแบบหางยาวเร่งเครื่องพยายามหลบหนี โดยมีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 1 ชุด ไล่ติดตามเข้าไปในป่าทำให้เรือลำดังกล่าวจมลง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสามารถจับกุมคนร้ายได้ 2 คน ส่วนอีกรายที่ยืนอยู่ในเรือบรรทุกข้าวสารได้กระโดดลงไปในน้ำเพื่อว่ายหลบหนี แต่ทางเจ้าหน้าที่ตามจับกุมตัวได้
ชมคลิปและเสียงสัมภาษณ์👇👇👇
นายจำนงค์ รับว่าตนเป็นผู้โจรกรรมสินค้าทางน้ำ พร้อมกับพวกอีก 2 คนที่ตำรวจตามจับตัวได้ ร่วมกันลักลอบนำข้าวสารซึ่งเป็นสินค้าที่ได้บรรทุกมากับเรือโป๊ะ โดยใช้เรือขนสินค้าของตนเองพร้อมในการขนย้าย โดยใช้เรือเล็กตัวเรือทำด้วยไม้ พร้อมเครื่องยนต์ติดท้ายแบบหางยาวลากจูงแล้วแล่นขนข้าวสารบริเวณจุดเกิดเหตุ ก่อนจะมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับตัวได้กลางแม่น้ำเจ้าพระยา
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบเอกสาร พบว่า ข้าวสารดังกล่าวมีเอกสารใบสั่งซื้อ ซึ่งจะนำข้าวสารทั้งหมดกว่า 300 ตัน ไปส่งยังท่าเรือเกาะสีชัง
เพื่อนำขึ้นเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ไปส่งต่อยังประเทศแอฟริกา มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น ไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท.
ภาพ/ข่าว พงศ์เดชน์ ธนาวัฒน์ชัยกุล






